แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 – 2 ลิเวอร์พูล

ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ โชว์ฟอร์มเยี่ยมด้วยการทำแฮตทริกครั้งแรกในสีเสื้อแมนฯ ยูไนเต็ด ช่วยให้ทีมปีศาจแดงเอาชนะทีมคู่รักคู่แค้นอย่างลิเวอร์พูลไปอย่างสุดมัน 3 – 2
แมนฯยูไนเต็ด ได้ประตูขึ้นนำก่อนจากลูกโหม่งของเบอร์บาตอฟ ในช่วงครึ่งแรก และตามด้วยลูกตีลังกายิงสุดสวยในครึ่งหลัง ก่อนที่จอนนี่ อีแวนส์ จะไปทำฟาล์วเฟอร์นันโด ตอร์เรส ในเขตโทษ และสตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็สังหารจุดโทษไปอย่างสบายช่วยตีไข่แตกให้ทีมก่อนที่เขาจะได้ยิงฟรีคิกตีเสมอในไม่กี่นาทีถัดมา แต่เบอร์บาตอฟ ก็ยังไม่หมดมุข กระโดดขึ้นโหม่งลูกเปิดของจอห์น โอเชีย ทำประตูชัยให้ทีมปีศาจแดงในโรงละครแห่งความฝัน
อย่างที่คาดการณ์ไว้ เซอร์ อเล็กซ์ เปลี่ยนตัวผู้เล่นเกือบทั้งหมดจากเกมที่เสมอกับเรนเจอร์ส 0 – 0 ในช่วงกลางสัปดาห์ โดยเปลี่ยนถึง 9 ตำแหน่ง นั่นรวมถึงการบาดเจ็บยาวของอันโตนิโอ วาเลนเซีย และริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เป็นหวัดไม่สามารถลงเล่นได้ โดยเกมนี้รูนี่ย์ และเบอร์บาตอฟ ได้กลับมาลงเล่นหน้าคู่กัน ส่วนแนวรับเป็นจอห์น โอเชีย ที่ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาแทนแกรี่ เนวิลล์
ทางด้านรอย ฮอดจ์สัน ก็เปลี่ยนตัวผู้เล่นจากเกมที่ชนะสเตออัว บูคาเรสต์ 4 – 1 ไปมากเช่นกัน แต่โจ โคล ผู้ซึ่งทำประตูแรกในเกมนั้นได้ลงเล่นเป็นตัวจริงครั้งนี้
ด้วยฝนที่ตกปรอยๆ ในสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทีมปีศาจแดงมีโอกาสบุกมากกว่าและครองเกมได้มากกว่าในช่วงต้นเกม นานี่ได้ลองทดสอบแนวรับของลิเวอร์พูลก่อน และช่วยให้ทีมได้ลูกเตะมุม 2 ครั้ง แต่เนมานย่า วิดิช ก็โหม่งข้ามคานออกไป
จากนั้น นาทีที่ 25 ลิเวอร์พูลก็ได้โอกาสบ้างจากลูกยิงของเกลน จอห์นสัน แต่บอลก็หลุดออกนอกกรอบไป
หลังจากนั้นแม้เกมของทีมเจ้าบ้านก็ไม่ลื่นไหลเหมือนช่วงต้นเกม แต่ก่อนหมดครึ่งแรกเพียง 3 นาทีแมนฯ ยูไนเต็ดก็ได้ประตูขึ้นนำ เมื่อพวกเขาได้ลูกเตะมุม ไรอัน กิ๊กส์ รับหน้าที่เปิดเข้ากลาง บอลไปเข้าหัวดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เข้าประตูไป ถือเป็นประตูที่ 5 ของเขาในฤดูกาลนี้ ช่วยให้แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1 – 0
เริ่มเกมในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลดูเหมือนจะมีการแก้เกม และทำให้พวกเขาบุกได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะเข้าในกรอบเขตโทษของแมนฯ ยูไนเต็ด ได้
นาทีที่ 56 แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบได้ประตูที่ 2 จากลูกยิงของนานี่ แต่บอลก็พุ่งไปชนเสากระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย
แต่เพียง 4 นาทีหลังจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูที่ 2 จากลูกจักรยานอากาศยิงของดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ จากการเปิดของนานี่ ถือเป็นประตูสุดสวยประตูหนึ่งที่เขาทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด โดยที่เปเป้ เรน่า หมดสิทธิ์ป้องกัน แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2 – 0
แม้จะถูกนำอยู่ 2 ประตู แต่ทีมจากเมอร์ซี่ไซด์ ก็สามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ปล่อยให้ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องเหงาอยู่หน้าประตู กว่า 1 ชั่วโมง เมื่อจอนนี่ อีแวนส์เข้าไปทำฟาล์วตอร์เรสล้มลงในกรอบเขตโทษ สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่สังหารจุดโทษ และเขาก็ยิงเข้าประตูไป ช่วยให้ลิเวอร์พูลตามมาเป็น 1 – 2
จากนั้น ก็แทบจะเหมือนการย้อนเทปของเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากแมนฯ ยูไนเต็ด นำอยู่ 2 ลูก พวกเขากลับถูกตามตีเสมอจากทีมคู่แข่งจากเมืองลิเวอร์พูล เมื่อนาทีที่ 70 จอห์น โอเชียไปดึงเฟอร์นันโด ตอร์เรส ล้มลงบริเวณหน้าเขตโทษ ลิเวอร์พูลได้ลูกฟรีคิก และสตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็รับหน้าที่ยิงฟรีคิก บอลมุดเข้ากำแพงพุ่งเข้ากลางประตูไปอย่างสวยงาม
ฮอดจ์สัน เปลี่ยนตัวผู้เล่นอีก 2 คน โดยส่งโจวาโนวิช ลงเล่นแทนราอูล เมเรเลส และส่งแดเนียล แอกเกอร์ ลงเล่นแทนพอล คอนเชสกี้ย์ ในขณะที่เซอร์ อเล็กซ์ ก็ส่งมาเชด้า ลงเล่นแทนไรอัน กิ๊กส์
แต่วันนี้ก็ถือเป็นวันของเบอร์บาตอฟ เมื่อในนาทีที่ 84 แมนฯ ยูไนเต็ดได้ประตูที่ 3 และก็เป็นแฮตทริกแรกของเบอร์บาตอฟ ให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด จากการเปิดของจอห์น โอเชีย จากฝั่งซ้าย และศูนย์หน้าหมายเลข 9 ก็ได้โหม่งบอลผ่านมือเรน่าเป็นครั้งที่ 3 เข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้เสียงเชียร์ของแฟนๆ กระหึ่มสนามด้วยความโล่งอกอีกครั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 3 – 2 จากนั้นเบอร์บาตอฟ ก็ได้ออกไปนั่งพักข้างสนาม รวมถึงนานี่ โดยเซอร์ อเล็กซ์ ส่งดาร์รอน กิ๊บสัน และแอนเดอร์สัน ลงเล่นแทนในนาทีที่ 88 ก่อนที่เกมจะจบด้วยชัยชนะของทีมปีศาจแดง เก็บ 3 แต้มเข้าใกล้เชลซี เข้าไปอีก ในขณะที่ลิเวอร์พูลยังคงมีผลงานย่ำแย่ และอยู่ในช่วงท้ายของตารางพรีเมียร์ ลีก (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1
จอนนี่ อีแวนส์ 23 ( น.63)
เนมานย่า วิดิช 15
ปาทริซ เอฟร่า 3
จอห์น โอเชีย 22 ( น.69)
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
พอล สโคลส์ 18 ( น.68)
ไรอัน กิ๊กส์ 11
หลุยส์ นานี่ 17
เวย์น รูนี่ย์ 10 ( น.57)
ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ 9 ( น.42, 59, 84)
สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
ไมเคิล โอเว่น 7
เวส บราวน์ 6
ดาร์รอน กิ๊บสัน 28 น.88 ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ 9
แอนเดอร์สัน 8 น.88 หลุยส์ นานี่ 17
คริส สมอลลิ่ง 12
เฟเดริโก้ มาเชด้า 27 น.82 ไรอัน กิ๊กส์ 11
ลิเวอร์พูล
เปเป้ เรน่า 25
มาร์ติน สเคอร์เทล 37
เจมี่ คาร์ราเกอร์ 23
พอล คอนเชสกี้ย์ 3
เกล็น จอห์นสัน 2
คริสเตียน โพลเซ่น 28
ราอูล เมเรเรส 4
เฟอร์นานโด ตอร์เรส 9
สตีเว่น เจอร์ราร์ด 8 ( จุดโทษ น.64, 70)
โจ โคล 10
แมกซี่ โรดริเกซ 17
สำรอง
แบรด โจนส์ 1
ไรอัน บาเบล 19
แดเนียล แอกเกอร์ 5 น.82 พอล คอนเชสกี้ย์ 3
โซติรอส คีร์เกียกอส 16
เดวิด เอ็นก็อก 24 ( น.66)น.62 แมกซี่ โรดริเกซ 17
ลูคัส 21
มิลาน โจวาโนวิช 14 น.79 ราอูล เมเรเรส 4
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 3, ยิงตรงกรอบ 5, ยิงหลุดกรอบ 7, ติดบล็อค , เตะมุม 6, ฟาวล์ 15, ล้ำหน้า 2, ใบเหลือง 4, การครองบอล 49.5%
ลิเวอร์พูล ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 2, ยิงหลุดกรอบ 6, เตะมุม 1, ฟาวล์ 11, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 1, การครองบอล 50.5%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, จอนนี่ อีแวนส์ 6, เนมานย่า วิดิช 8, ปาทริซ เอฟร่า 7, จอห์น โอเชีย 6, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 7, พอล สโคลส์ 7, ไรอัน กิ๊กส์ 5, หลุยส์ นานี่ 7, เวย์น รูนี่ย์ 6, ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ 9
สำรอง ดาร์รอน กิ๊บสัน 5, แอนเดอร์สัน 5, เฟเดริโก้ มาเชด้า 5
ลิเวอร์พูล เปเป้ เรน่า 6, มาร์ติน สเคอร์เทล 7, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6, พอล คอนเชสกี้ย์ 6, เกล็น จอห์นสัน 6, คริสเตียน โพลเซ่น 7, ราอูล เมเรเรส 7, เฟอร์นานโด ตอร์เรส 5, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 7, โจ โคล 5, แมกซี่ โรดริเกซ 5
สำรอง แดเนียล แอกเกอร์ 5, เดวิด เอ็นก็อก 5, มิลาน โจวาโนวิช 5
Por

Related Posts